ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติและความเป็นมาของ LEGO  (อ่าน 2869 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bricker®

  • X Th!nk+ X
  • Administrator
  • Newbie
  • *****
  • กระทู้: 99
    • ThaiBrickClub
ประวัติและความเป็นมาของ LEGO
« เมื่อ: 05 มกราคม 2015 / 01:37:53 PM »
LEGO ถือกำเนิดขึ้นจากชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Ole Kirk Christiansen เขาเป็นช่างไม้ผีมือระดับปรมาจารย์ อาศัยอยู่ในเมืองบิลลุนด์ (Billund) ประเทศเดนมาร์ก ในปี ค.ศ. 1932 ได้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง ทำให้ธุรกิจของเขาได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้เขาตัดสินใจที่จะผลิตสินค้าหลายชนิดมาจำหน่าย เช่น เครื่องใช้ภายในบ้าน พวกบันได (Stepladders) ที่รองสำหรับรีดผ้า (Ironing Boards) เก้าอี้นั่งเล่นตัวเล็กๆ (Stools) และของเล่นไม้ (Wooden Toys) อาจจะกล่าวได้ว่าหากไม่เกิดวิกฤตการทางเศรษฐกิจในครั้งนั้น Ole Kirk Christiansen คงจะมีอาชีพเป็นเพียงช่างไม้ และตัวต่อ LEGO คงจะไม่ได้เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้

ในปี ค.ศ. 1934 เขาได้จัดให้มีการแข่งขันตั้งชื่อบริษัทขึ้น โดยรางวัลสำหรับผู้ชนะก็คือ ไวน์หนึ่งขวด! และผู้ที่ชนะก็คือตัวเขานั่นเอง เขาได้นำชื่อ LEGO มาใช้เป็นชื่อบริษัทและชื่อสินค้าที่ผลิตออกมาจำหน่าย ซึ่งคำว่า LEGO มาจากรากศัพท์ภาษาเดนมาร์กว่า "LEg GOdt" มีความหมายว่า “Play Well” หรือแปลสนุกๆ ได้ว่า “เล่นได้เล่นดี” ในขณะที่คำนี้มีความหมายในภาษาลาตินว่า “I assemble” หรือ“I put together” แปลได้ว่า “ประกอบหรือวางเข้าด้วยกัน

นอกจากนี้ Ole Kirk Christiansen ยังเป็นคนที่ใส่ใจและไม่เคยละเลยต่อคุณภาพของสินค้า เขาได้ติดป้ายคติพจน์สำหรับการทำงานไว้ในโรงงานว่า “Only the best is good enough" หรือแปลได้ว่า “ต้องดีที่สุดเท่านั้น ถึงจะดีพอ” (คติพจน์นี้ยังคงใช้ต่อมาจนถึงทุกวันนี้) จะเห็นได้จากของเล่นไม้ทุกชิ้นที่เขาผลิตจะมีความประณีตและมีการเคลือบสีถึง 3 ชั้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาสำหรับในยุคสมัยนั้น ครั้งหนึ่ง ลูกชายของเขา Godtfred Kirk Christiansen ที่เริ่มทำงานในบริษัท LEGO ตั้งแต่อายุเพียง 12 ปี ต้องการที่จะประหยัดเงินของบริษัท เลยทำการเคลือบสีของเล่นเพียงแค่ 2 ชั้นเท่านั้น Ole Kirk Christiansen ได้สั่งให้ลูกชายของเขากลับไปทำการเคลือบสีเพิ่ม และบรรจุใส่กล่องใหม่ โดยต้องทำคนเดียวเท่านั้น

ธุรกิจผลิตของเล่นเล็กๆ ของเขาที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่กลับมีคนงานอยู่เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น อย่างไรก็ตามในปี ค.ศ. 1942 ได้เกิดเหตุการณ์ประท้วงอย่างรุนแรง ทำให้โรงงานของเขาถูกเผาราบเป็นหน้ากอง แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนไม่ยอมแพ้ เขาได้เริ่มสร้างโรงงานขึ้นมาใหม่หลังจากนั้นไม่นาน

ในปี ค.ศ. 1947 LEGO เป็นบริษัทแรกในเดนมาร์กที่ซื้อเครื่องฉีดพลาสติกมาใช้ในการผลิตของเล่น หลังจากนั้น 2 ปี (ปี ค.ศ. 1949) LEGO ได้ผลิตของเล่นพลาสติกและของเล่นไม้ออกมาถึงเกือบ 200 ชนิด รวมถึงได้มีการผลิตของเล่นที่ถือว่าเป็นต้นแบบของตัวต่อ LEGO ขึ้น ชื่อว่า “Automatic Binding Bricks” แต่จำหน่ายเฉพาะในเดนมาร์กเท่านั้น

ในปี ค.ศ. 1950 ลูกชายของเขา Godtfred Kirk Christiansen ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Junior Vice President ในขณะที่มีอายุเพียง 30 ปีเท่านั้น หนึ่งปีหลังจากนั้น (ปี ค.ศ. 1951) ของเล่นพลาสติกมีสัดส่วนการผลิตถึงครึ่งหนึ่งของกำลังการผลิตทั้งหมด ถือเป็นการส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงจากการผลิตของเล่นไม้ไปสู่การผลิตของเล่นพลาสติกที่ได้รับความนิยมมากขึ้น

ในปี ค.ศ. 1953 ได้มีการเปลี่ยนชื่อ “Automatic Binding Bricks” ไปเป็น "LEGO Mursten" หรือ "LEGO Bricks" (ตัวต่อเลโก้) อย่างที่เราคุ้นเคยกันทุกวันนี้ และในวันที่ 1 พฤษภาคม 1954 ชื่อ LEGO ก็ได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในเดนมาร์ก

ในปี ค.ศ. 1955 LEGO ได้จำหน่ายของเล่นชื่อ "LEGO System of Play" มีทั้งหมด 28 ชุด กับรถแบบต่างๆ อีก 8 คัน ในชุดจะประกอบด้วย อาคาร บ้าน ต้นไม้ รถยนต์ ป้ายสัญลักษณ์จราจรและอื่นๆ ของเล่นชุดนี้ถือเป็นการปฏิวัติวงการของเล่นเลยทีเดียวเพราะผู้เล่นสามารถสร้างสรรค์การเล่นได้ตามจินตนาการ โดยไม่ถูกจำกัดให้ต้องทำตามคู่มือเท่านั้น

ในปี ค.ศ. 1957 ได้มีการคิดค้นระบบการเชื่อมต่อด้วยปุ่มและท่อสำหรับตัวต่อเลโก้ (The Stud-and-Tube Coupling System) ลองนึกถึงภาพของตัวต่อเลโก้ที่จะมีปุ่มอยู่ด้านบน (Stud) และมีทรงกระบอกคล้ายท่ออยู่ด้านล่าง (Tube) และสามารถนำแต่ละอันมาต่อเข้าด้วยกันได้ (Coupling) หลังจากนั้นอีก 1 ปี (ปี ค.ศ. 1958) ตัวต่อเลโก้อย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ก็ได้รับการจดสิทธิบัตรและนำออกมาจำหน่ายตามท้องตลาด อย่างไรก็ตามในปีเดียวกันนี้เอง ผู้ก่อตั้งและสร้างตำนาน LEGO Ole Kirk Christiansen ได้เสียชีวิตลง ทำให้ลูกชาย Godtfred Kirk Christiansen ต้องขึ้นดำรงตำแหน่งแทน

ในปี ค.ศ. 1960 โกดังเก็บของเล่นไม้เกิดไฟไหม้เสียหายอย่างหนัก กอปรกับการที่ของเล่นพลาสติกได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก ทำให้บริษัทตัดสินใจที่จะหยุดการผลิตของเล่นไม้และมุ่งเน้นแต่ของเล่นพลาสติกแทน

ในปี ค.ศ. 1963 บริษัท LEGO ได้นำวัสดุชนิดใหม่ที่ดีกว่าคือ ABS (Acrylnitrile Butadiene Styrene) มาใช้แทนวัสดุชนิดเดิมคือ Cellulose Acetate ในการผลิตตัวต่อเลโก้ วัสดุใหม่นี้มีความคงทนมากกว่า มีสีสันมากกว่า ผลิตได้ไวกว่า และทำให้การผลิตมีความแม่นยำเพิ่มมากขึ้นถึง 0.005 มม.

ในปี ค.ศ. 1967 LEGO ได้ออกแบรนด์ใหม่ชื่อว่า The DUPLO® brick เป็นตัวต่อเลโก้ที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ 8 เท่า (กว้างกว่า 2 เท่า ยาวกว่า 2 เท่า และสูงกว่า 2 เท่า) สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี เพื่อป้องกันอุบัติเหตุเด็กกลืนตัวต่อเลโก้ และในปีถัดมา (ปี ค.ศ. 1968) ได้มีการเปิด LEGOLAND® Billund ขึ้นในวันที่ 7 มิถุนายน 1968

ในปี ค.ศ. 1973 ได้มีการนำเอาโลโก้ใหม่ของ LEGO มาใช้แทนทุกๆ โลโก้เดิมของ LEGO โดยสินค้าทุกประเภทของบริษัท LEGO จะใช้โลโก้อันใหม่นี้อันเดียวเพื่อความเป็นเอกภาพ

ในปี ค.ศ. 1977 LEGO ได้ออก LEGO TECHNIC เป็นโมเดลที่มีกลไกและมอเตอร์ สำหรับเด็กที่โตขึ้นมา และในปีเดียวกันนี้ Kjeld Kirk Kristiansen* ทายาทรุ่นที่ 3 ได้เข้าร่วมทำงานกับทีมบริหารของ The LEGO Group และ 2 ปีต่อมา (ปี ค.ศ. 1979) เขาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็น President และ Chief Executive Officer ของ INTERLEGO A/S

*ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่านามสกุลของ Kjeld Kirk Kristiansen จะสะกดด้วยตัว K แตกต่างจากพ่อ Godtfred Kirk Christiansen และปู่ Ole Kirk Christiansen ที่สะกดด้วยตัว C สาเหตุก็เพราะบาทหลวงได้สะกดชื่อเขาผิดตอนที่ใส่ชื่อไว้ในบันทึกของโบสถ์

ในปี ค.ศ. 1986 Godfred Kirk Christiansen ได้ลาออกจากการเป็นประธานกรรมการของ LEGO System A/S และ LEGO Overseas และให้ Kjeld Kirk Kristiansen ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน

ในปี ค.ศ. 1990 The LEGO Group เป็นบริษัทผลิตของเล่นเพียงแห่งเดียวในยุโรปที่ติด 1 ใน 10 ผู้ผลิตของเล่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ที่เหลือเป็นบริษัทของอเมริกาและญี่ปุ่น)

ในปี ค.ศ. 1995 Godfred Kirk Christiansen ได้เสียชีวิตลงในวันที่ 13 กรกฎาคม 1995

ในปี ค.ศ. 1996 ได้มีการเปิดเว็บไซต์ www.lego.com และในวันที่ 29 มีนาคม ปีเดียวกัน ได้มีการเปิด LEGOLAND Windsor ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งถือเป็นเลโก้แลนด์แห่งแรกที่อยู่นอกประเทศเดนมาร์ก

ในปี ค.ศ. 1999 ตัวต่อเลโก้ (LEGO Bricks) ได้รับการเสนอชื่อเป็นหนึ่งใน ผลิตภัณฑ์แห่งศตวรรษ (Products of the Century) โดยนิตยสารฟอร์จูน (Fortune Magazine)

ในปี ค.ศ. 2003 The LEGO Group ประกาศผลกำไรที่มหาศาลถึง 1.4 พันล้าน DKK (เงินสกุลเดนมาร์ก)

จนถึง ณ ปัจจุบัน LEGO Group ยังคงเป็นบริษัทที่ดำเนินงานและเป็นเจ้าของโดยครอบครัว Kirk Christiansen และขอปิดท้ายด้วยรูปครอบครัว Kirk Christiansen


ผมพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของ LEGO จากหลายๆ แหล่งมาผสมกัน แต่ส่วนใหญ่จะยึดจากเว็บไซต์ของ LEGO และหนังสือเป็นหลัก ซึ่งข้อมูลทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษและผมนำมาแปลเป็นภาษาไทย โดยผมจะตัดเอาเฉพาะส่วนที่คิดว่าสำคัญๆ มาเท่านั้น ทำให้รายละเอียดอาจจะไม่ครบถ้วนทั้งหมด และหากผิดพลาดหรือขาดตกบกพร่องตรงไหน สามารถท้วงติง หรือเสนอแนะเข้ามาได้ครับ
 
LEGO ถือกำเนิดขึ้นจากชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Ole Kirk Christiansen เขาเป็นช่างไม้ผีมือระดับปรมาจารย์ อาศัยอยู่ในเมืองบิลลุนด์ (Billund) ประเทศเดนมาร์ก ในปี ค.ศ. 1932 ได้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง ทำให้ธุรกิจของเขาได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้เขาตัดสินใจที่จะผลิตสินค้าหลายชนิดมาจำหน่าย เช่น เครื่องใช้ภายในบ้าน พวกบันได (Stepladders) ที่รองสำหรับรีดผ้า (Ironing Boards) เก้าอี้นั่งเล่นตัวเล็กๆ (Stools) และของเล่นไม้ (Wooden Toys) อาจจะกล่าวได้ว่าหากไม่เกิดวิกฤตการทางเศรษฐกิจในครั้งนั้น Ole Kirk Christiansen คงจะมีอาชีพเป็นเพียงช่างไม้ และตัวต่อ LEGO คงจะไม่ได้เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้


Ole Kirk Christiansen - ผู้ที่ให้กำเนิด LEGO

ในปี ค.ศ. 1934 เขาได้จัดให้มีการแข่งขันตั้งชื่อบริษัทขึ้น โดยรางวัลสำหรับผู้ชนะก็คือ ไวน์หนึ่งขวด! และผู้ที่ชนะก็คือตัวเขานั่นเอง เขาได้นำชื่อ LEGO มาใช้เป็นชื่อบริษัทและชื่อสินค้าที่ผลิตออกมาจำหน่าย ซึ่งคำว่า LEGO มาจากรากศัพท์ภาษาเดนมาร์กว่า "LEg GOdt" มีความหมายว่า “Play Well” หรือแปลสนุกๆ ได้ว่า “เล่นได้เล่นดี” ในขณะที่คำนี้มีความหมายในภาษาลาตินว่า “I assemble” หรือ“I put together” แปลได้ว่า “ประกอบหรือวางเข้าด้วยกัน


ของเล่นไม้ที่ผลิตและจำหน่ายในสมัยนั้น

นอกจากนี้ Ole Kirk Christiansen ยังเป็นคนที่ใส่ใจและไม่เคยละเลยต่อคุณภาพของสินค้า เขาได้ติดป้ายคติพจน์สำหรับการทำงานไว้ในโรงงานว่า “Only the best is good enough" หรือแปลได้ว่า “ต้องดีที่สุดเท่านั้น ถึงจะดีพอ” (คติพจน์นี้ยังคงใช้ต่อมาจนถึงทุกวันนี้) จะเห็นได้จากของเล่นไม้ทุกชิ้นที่เขาผลิตจะมีความประณีตและมีการเคลือบสีถึง 3 ชั้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาสำหรับในยุคสมัยนั้น ครั้งหนึ่ง ลูกชายของเขา Godtfred Kirk Christiansen ที่เริ่มทำงานในบริษัท LEGO ตั้งแต่อายุเพียง 12 ปี ต้องการที่จะประหยัดเงินของบริษัท เลยทำการเคลือบสีของเล่นเพียงแค่ 2 ชั้นเท่านั้น Ole Kirk Christiansen ได้สั่งให้ลูกชายของเขากลับไปทำการเคลือบสีเพิ่ม และบรรจุใส่กล่องใหม่ โดยต้องทำคนเดียวเท่านั้น


Godtfred Kirk Christiansen - คนทางซ้ายมือ

ธุรกิจผลิตของเล่นเล็กๆ ของเขาที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่กลับมีคนงานอยู่เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น อย่างไรก็ตามในปี ค.ศ. 1942 ได้เกิดเหตุการณ์ประท้วงอย่างรุนแรง ทำให้โรงงานของเขาถูกเผาราบเป็นหน้ากอง แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนไม่ยอมแพ้ เขาได้เริ่มสร้างโรงงานขึ้นมาใหม่หลังจากนั้นไม่นาน

ในปี ค.ศ. 1947 LEGO เป็นบริษัทแรกในเดนมาร์กที่ซื้อเครื่องฉีดพลาสติกมาใช้ในการผลิตของเล่น หลังจากนั้น 2 ปี (ปี ค.ศ. 1949) LEGO ได้ผลิตของเล่นพลาสติกและของเล่นไม้ออกมาถึงเกือบ 200 ชนิด รวมถึงได้มีการผลิตของเล่นที่ถือว่าเป็นต้นแบบของตัวต่อ LEGO ขึ้น ชื่อว่า “Automatic Binding Bricks” แต่จำหน่ายเฉพาะในเดนมาร์กเท่านั้น


Automatic Binding Bricks - ต้นแบบของตัวต่อเลโก้ในปัจจุบัน

ในปี ค.ศ. 1950 ลูกชายของเขา Godtfred Kirk Christiansen ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Junior Vice President ในขณะที่มีอายุเพียง 30 ปีเท่านั้น หนึ่งปีหลังจากนั้น (ปี ค.ศ. 1951) ของเล่นพลาสติกมีสัดส่วนการผลิตถึงครึ่งหนึ่งของกำลังการผลิตทั้งหมด ถือเป็นการส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงจากการผลิตของเล่นไม้ไปสู่การผลิตของเล่นพลาสติกที่ได้รับความนิยมมากขึ้น

ในปี ค.ศ. 1953 ได้มีการเปลี่ยนชื่อ “Automatic Binding Bricks” ไปเป็น "LEGO Mursten" หรือ "LEGO Bricks" (ตัวต่อเลโก้) อย่างที่เราคุ้นเคยกันทุกวันนี้ และในวันที่ 1 พฤษภาคม 1954 ชื่อ LEGO ก็ได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในเดนมาร์ก

ในปี ค.ศ. 1955 LEGO ได้จำหน่ายของเล่นชื่อ "LEGO System of Play" มีทั้งหมด 28 ชุด กับรถแบบต่างๆ อีก 8 คัน ในชุดจะประกอบด้วย อาคาร บ้าน ต้นไม้ รถยนต์ ป้ายสัญลักษณ์จราจรและอื่นๆ ของเล่นชุดนี้ถือเป็นการปฏิวัติวงการของเล่นเลยทีเดียวเพราะผู้เล่นสามารถสร้างสรรค์การเล่นได้ตามจินตนาการ โดยไม่ถูกจำกัดให้ต้องทำตามคู่มือเท่านั้น


LEGO System of Play

ในปี ค.ศ. 1957 ได้มีการคิดค้นระบบการเชื่อมต่อด้วยปุ่มและท่อสำหรับตัวต่อเลโก้ (The Stud-and-Tube Coupling System) ลองนึกถึงภาพของตัวต่อเลโก้ที่จะมีปุ่มอยู่ด้านบน (Stud) และมีทรงกระบอกคล้ายท่ออยู่ด้านล่าง (Tube) และสามารถนำแต่ละอันมาต่อเข้าด้วยกันได้ (Coupling) หลังจากนั้นอีก 1 ปี (ปี ค.ศ. 1958) ตัวต่อเลโก้อย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ก็ได้รับการจดสิทธิบัตรและนำออกมาจำหน่ายตามท้องตลาด อย่างไรก็ตามในปีเดียวกันนี้เอง ผู้ก่อตั้งและสร้างตำนาน LEGO Ole Kirk Christiansen ได้เสียชีวิตลง ทำให้ลูกชาย Godtfred Kirk Christiansen ต้องขึ้นดำรงตำแหน่งแทน


สิทธิบัตรของ LEGO

ในปี ค.ศ. 1960 โกดังเก็บของเล่นไม้เกิดไฟไหม้เสียหายอย่างหนัก กอปรกับการที่ของเล่นพลาสติกได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก ทำให้บริษัทตัดสินใจที่จะหยุดการผลิตของเล่นไม้และมุ่งเน้นแต่ของเล่นพลาสติกแทน

ในปี ค.ศ. 1963 บริษัท LEGO ได้นำวัสดุชนิดใหม่ที่ดีกว่าคือ ABS (Acrylnitrile Butadiene Styrene) มาใช้แทนวัสดุชนิดเดิมคือ Cellulose Acetate ในการผลิตตัวต่อเลโก้ วัสดุใหม่นี้มีความคงทนมากกว่า มีสีสันมากกว่า ผลิตได้ไวกว่า และทำให้การผลิตมีความแม่นยำเพิ่มมากขึ้นถึง 0.005 มม.

ในปี ค.ศ. 1967 LEGO ได้ออกแบรนด์ใหม่ชื่อว่า The DUPLO® brick เป็นตัวต่อเลโก้ที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ 8 เท่า (กว้างกว่า 2 เท่า ยาวกว่า 2 เท่า และสูงกว่า 2 เท่า) สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี เพื่อป้องกันอุบัติเหตุเด็กกลืนตัวต่อเลโก้ และในปีถัดมา (ปี ค.ศ. 1968) ได้มีการเปิด LEGOLAND® Billund ขึ้นในวันที่ 7 มิถุนายน 1968


เปรียบเทียบขนาด LEGO Brick ปกติกับ Duplo Brick

ในปี ค.ศ. 1973 ได้มีการนำเอาโลโก้ใหม่ของ LEGO มาใช้แทนทุกๆ โลโก้เดิมของ LEGO โดยสินค้าทุกประเภทของบริษัท LEGO จะใช้โลโก้อันใหม่นี้อันเดียวเพื่อความเป็นเอกภาพ


โลโก้ของ LEGO ที่เราคุ้นเคยกันและใช้มาจนถึงปัจจุบัน

ในปี ค.ศ. 1977 LEGO ได้ออก LEGO TECHNIC เป็นโมเดลที่มีกลไกและมอเตอร์ สำหรับเด็กที่โตขึ้นมา และในปีเดียวกันนี้ Kjeld Kirk Kristiansen* ทายาทรุ่นที่ 3 ได้เข้าร่วมทำงานกับทีมบริหารของ The LEGO Group และ 2 ปีต่อมา (ปี ค.ศ. 1979) เขาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็น President และ Chief Executive Officer ของ INTERLEGO A/S

*ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่านามสกุลของ Kjeld Kirk Kristiansen จะสะกดด้วยตัว K แตกต่างจากพ่อ Godtfred Kirk Christiansen และปู่ Ole Kirk Christiansen ที่สะกดด้วยตัว C สาเหตุก็เพราะบาทหลวงได้สะกดชื่อเขาผิดตอนที่ใส่ชื่อไว้ในบันทึกของโบสถ์


Kjeld Kirk Kristiansen

ในปี ค.ศ. 1986 Godfred Kirk Christiansen ได้ลาออกจากการเป็นประธานกรรมการของ LEGO System A/S และ LEGO Overseas และให้ Kjeld Kirk Kristiansen ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน

ในปี ค.ศ. 1990 The LEGO Group เป็นบริษัทผลิตของเล่นเพียงแห่งเดียวในยุโรปที่ติด 1 ใน 10 ผู้ผลิตของเล่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ที่เหลือเป็นบริษัทของอเมริกาและญี่ปุ่น)

ในปี ค.ศ. 1995 Godfred Kirk Christiansen ได้เสียชีวิตลงในวันที่ 13 กรกฎาคม 1995

ในปี ค.ศ. 1996 ได้มีการเปิดเว็บไซต์ www.lego.com และในวันที่ 29 มีนาคม ปีเดียวกัน ได้มีการเปิด LEGOLAND Windsor ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งถือเป็นเลโก้แลนด์แห่งแรกที่อยู่นอกประเทศเดนมาร์ก

ในปี ค.ศ. 1999 ตัวต่อเลโก้ (LEGO Bricks) ได้รับการเสนอชื่อเป็นหนึ่งใน ผลิตภัณฑ์แห่งศตวรรษ (Products of the Century) โดยนิตยสารฟอร์จูน (Fortune Magazine)

ในปี ค.ศ. 2003 The LEGO Group ประกาศผลกำไรที่มหาศาลถึง 1.4 พันล้าน DKK (เงินสกุลเดนมาร์ก)

จนถึง ณ ปัจจุบัน LEGO Group ยังคงเป็นบริษัทที่ดำเนินงานและเป็นเจ้าของโดยครอบครัว Kirk Christiansen

ขอปิดท้ายด้วยรูปครอบครัว Kirk Christiansen ผู้สร้างตำนาน LEGO









ความล้มเหลวมีค่ามากกว่าความสำเร็จ

ออฟไลน์ legoake

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 374
Re: ประวัติและความเป็นมาของ LEGO
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 07 มกราคม 2015 / 07:27:28 PM »
<a href="http://www.youtube.com/v/UcfTFMxzriA" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">http://www.youtube.com/v/UcfTFMxzriA</a>

ออฟไลน์ Ender Berry

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 56
    • ํYouTube channel
Re: ประวัติและความเป็นมาของ LEGO
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 10 มกราคม 2015 / 10:26:19 PM »
<a href="http://www.youtube.com/v/NdDU_BBJW9Y" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">http://www.youtube.com/v/NdDU_BBJW9Y</a>